ระหว่างวันที่ 27 เมษายน – 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 จากกรมอุตุนิยมวิทยา
ในช่วงวันที่ 27 – 29 เม.ย. 63 บริเวณภาคเหนือ และภาคใต้จะมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหาย จากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรงไว้ด้วย ส่วนภาคใต้จะมีคลื่นลมแรงชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วย ความระมัดระวัง
ภาคเหนือ
ในวันที่ 27-29 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง
วันที่ 30 เม.ย. – 3 พ.ค. 63 อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่
– ระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูร้อน สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง โดยจะมีฝนตกในบางวันสลับกับอากาศร้อนในบางช่วง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สําหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สําหรับเกษตรกรที่เตรียม
ดินสําหรับปลูกพืชในช่วงฤดูฝนนี้ควรหันหัวแปลงปลูกไปตามทิศทางลม เพื่อลดความชื้นสะสมภายในพื้นที่เพาะปลูก ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราที่มักระบาดในช่วงฤดูฝน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน)
อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่
– ระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูร้อนอากาศเปลี่ยนแปลง ระยะต่อไปจะเป็นฤดูฝน ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรควรซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้
มีความมั่นคงแข็งแรง หลังคาอย่าให้รั่วซึม ตลอดจนจัดทําแผงกําบังฝนสาดให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เปียกฝน หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
สําหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชควรรอให้มีฝนตกสม่ำเสมอและดินมีความชื้น
เพียงพอแล้วค่อยลงมือปลูก เพื่อป้องกันพืชขาดน้ำในระยะเจริญเติบโต
ภาคกลาง
อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
– เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูฝน พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรทําทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก ตลอดจนขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำอย่าให้ตื้นเขินติดขัด น้ำระบายได้สะดวก เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรจัดเตรียมวัสดุสำหรับกั้นขอบบ่อ และอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำเอาไว้ให้พร้อม รวมทั้งดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ทางด้านการเกษตรอย่าให้ชํารุดเสียหายจนเป็นอันตรายแก่ผู้ใช้งาน
ภาคตะวันออก
อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ตลอดช่วง คลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
– ระยะต่อไปจะเป็นฤดูฝนสําหรับในบางช่วงอาจมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำอย่าให้ติดขัด ตื้นเขิน น้ำไหลได้สะดวก ป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูกป้องกันโรคพืชจากเชื้อรา รวมทั้งไม่ควรกองสุมวัสดุเหลือ
ใช้ทางการเกษตร เช่น เปลือกผลไม้ ผลที่ร่วงหล่นเน่าเสียไว้ในบริเวณสวนเพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ที่มักระบาดในช่วงฤดูฝน
ภาคใต้
- ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 27 – 29 เม.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรงบางแห้ง ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ช่วงวันที่ 30 เม.ย. – 3 พ.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ฝั่งตะวันตก ช่วงวันที่ 27 – 29เม.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักบางแห้ง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1- 2 เมตร
– ระยะต่อไปจะเป็นช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีปริมาณและการกระจายของฝนมากกว่าทางฝั่งตะวันออก ในบางช่วงอาจเกิดสภาวะฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
รวมทั้งระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวนและพืชผัก โดยดูแลแปลงปลูกให้โปร่งอากาศ ถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในแปลงปลูก ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และควรทําทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก ป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกเป็นเวลานานทําให้รากพืชเน่าต้นพืชตายได้นอกจากนี้ควรระวัง และป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจําพวกหนอนในไม้ผลด้วย ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทําให้การผลิดอกออกผลลดลง
ในช่วงวันที่ 27 – 29 เม.ย. 63 จะมีคลื่นลมแรงชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ที่มา กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th/programs/uploads/Tmddocuments/agromet-0984.pdf